รหัสหลักสูตร
ชื่อหลักสูตร
G14
หลักสูตรการทำแป้งแข็งผัดหน้า แป้งฝุ่น (Translucent, จันทน์แดง, ทานาคา, แป้งโรยตัว, แป้งหอม, แป้งดับกลิ่นกาย)
ครั้งต่อไป
วันพฤหัสบดี ที่ 5 ธ.ค. 2567
เวลา 9.00-16.30 น.
เรียน 1 วัน
จำนวนผู้เข้าอบรม
.........................
วิทยากรผู้สอน
อาจารย์กรรญดา ณ หนองคาย
อาจารย์พัชรินทร์ หมั่นการ
ระยะเวลาการอบรม
1 วัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
(อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาได้ขึ้นอยู่กับข้อคำถามของผู้เข้าอบรม)
เหมาะกับบุคคลทั่วไปที่สนใจผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งจากธรรมชาติ
ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อนก็สามารถเรียนเข้าใจและทำได้
หมายเหตุ
เวลาในแต่ละวันอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ทางสถาบันฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ค่าลงทะเบียนเรียนตลอดหลักสูตร
สถานที่อบรม
30/131 หมู่9 ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ซอย11 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120 ประเทศไทย
สอบถามข้อมูล
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ
เหมาะกับบุคคลทั่วไปที่สนใจ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อนก็สามารถเรียนเข้าใจและทำได้
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์ประเภทแป้ง องค์ประกอบของแป้ง และชนิดของแป้ง
2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจเรื่องรสยาและเทคนิคการใช้สมุนไพร รวมถึงสารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์แป้งชนิดต่างๆ เข้าใจการทำแป้งหรือ Make up จากธรรมชาติ รู้จักเทคนิคการใช้สมุนไพรให้ตรงตามสรรพคุณของแป้งแต่ละชนิดที่ต้องการ และเทคนิคการใช้สีของสมุนไพรไทยและสีธรรมชาติที่นำมาทำผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งได้ ในเปอร์เซ็นต์หรือปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้ได้ผลดี มีสีสันสวยงามน่าใช้ ทำให้สามารถเข้าใจ และปฏิบัติทำผลิตภัณฑ์ได้จริง
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของผลิตภัณฑ์แป้งสามารถทำผลิตภัณฑ์, ตั้งสูตร, ปรับสูตรและพัฒนาสูตรในหลักสูตรอบรมทำผลิตภัณฑ์แป้ง ที่ได้รับการอบรมอย่างง่ายได้ สามารถนำผลิตภัณฑ์มาใช้ประโยชน์และจำหน่ายได้จริง
รายละเอียดหลักสูตร
1. ผู้เข้าอบรมเข้าใจผลิตภัณฑ์ประเภทแป้ง องค์ประกอบของแป้ง และชนิดของแป้ง โดยเนื้อหาพอเข้าใจเพื่อที่จะเป็นพื้นฐาน
2. ผู้เข้าอบรมเข้าใจเรื่องรสยาและเทคนิคการใช้สมุนไพร รวมถึงสารสกัดจากธรรมชาติ ที่เป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์แป้งชนิดต่าง ๆ เพื่อที่จะนำความรู้ไปตั้งสูตรและพัฒนาด้วยตนเองได้ให้มีความปลอดภัยโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและผลข้างเคียง
3. ผู้เข้าอบรมเข้าใจการทำแป้งหรือ Make up จากธรรมชาติ รู้จักเทคนิคการใช้สมุนไพรให้ตรงตามสรรพคุณของแป้งแต่ละชนิดที่ต้องการ และเทคนิคการใช้สีของสมุนไพรไทยและสีธรรมชาติที่นำมาทำผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งได้ในเปอร์เซนต์หรือปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้ได้ผลดี มีสีสันสวยงามน่าใช้
4. ผู้เข้าอบรมได้ปฏิบัติการทำผลิตภัณฑ์ในหลักสูตรทั้งหมด 7 สูตร ได้ลงมือปฏิบัติการทำแป้งอัดแข็งด้วยมือและการใช้เครื่องอัดแป้ง เรียนแบบเข้าใจง่าย ปฏิบัติได้จริง ทำได้แน่นอน และสามารถนำกลับไปใช้และขายได้จริง ดังนี้
4.1 แป้งฝุ่นสมุนไพรสีเบจ (ทานาคา) เป็นเนื้อแป้งฝุ่นผัดหน้าที่ได้เบสแป้งจากธรรมชาติ เช่น ดินสอพอง , แป้งหิน ฯลฯ ใช้สีธรรมชาติของทานาคาและฝางเสนมาเป็นเฉดสีและเพิ่มสีให้ตัวแป้งฝุ่น ให้สีเบจที่สวยงามและมีสรรพคุณทำให้ผิวขาวเปล่งปลั่งและช่วยป้องกันรังสี UV ช่วยลดความมันบนใบหน้า
4.2 แป้งฝุ่นสมุนไพรสีชมพู (จันทน์แดง) เป็นเนื้อแป้งฝุ่นผัดหน้าที่ได้เบสแป้งจากธรรมชาติ เช่น ดินสอพอง, แป้งหิน ฯลฯ ใช้สีธรรมชาติของจันทน์แดงมาเป็นเฉดสีชมพูและเพิ่มสีให้ตัวแป้งฝุ่น ให้เบสสีชมพูที่สวยงามและมีสรรพคุณช่วยลดความมันบนใบหน้า และป้องกันการอักเสบของสิว ทำให้ผิวดูผ่องใสเป็นธรรมชาติ
4.3 แป้งหอม (ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย) เป็นแป้งที่ได้จากธรรมชาติ มีกลิ่นหอมและลื่นผิว ไม่ระคายเคืองผิว ไม่อับชื้น รู้สึกแห้งสบายตัว
4.4 แป้งระงับกลิ่นกาย แป้งที่มีส่วนผสมของสารส้มสะตุ ช่วยระงับกลิ่นตัว ช่วยลดเหงื่อและกระชับผิวใต้วงแขน ไม่อับชื้น รู้สึกแห้งสบายตัว
4.5 Tanaca Natural Powder (BB) เป็นแป้งอัดแข็ง เป็นเบสแป้งที่ผสมผสานระหว่างวัตถุดิบธรรมชาติและเคมีเครื่องสำอาง โดยใช้สีธรรมชาติที่ได้จากทานาคา เนื้อแป้งเป็นสีเบจ ช่วยปกปิดและปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ มีสารกันแดดช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ทำให้ผิวกระจ่างใส
4.6 Silky Light Loose Powder (แป้งโปร่งแสง) เป็นเนื้อแป้งฝุ่นสีขาว เนื้อแป้งกระจายตัวได้ดี นุ่มลื่น ใช้ทาหลังการแต่งหน้า ช่วยควบคุมความมัน ใช้ซับหน้าระหว่างวัน ทำให้ผิวหน้าดูสว่างสดใส
4.7 Natural Matt loose Powder เป็นแป้งอัดแข็งผสมรองพื้น เนื้อแป้งเนียนละเอียดกลืนเข้ากับผิว เกลี่ยง่าย เรียบเนียน ติดทนนาน ช่วยปกปิดฝ้า กระ จุดด่างดำและริ้วรอยต่างๆ ได้ดี ช่วยลดความมันบนใบหน้าและป้องกันรังสี UV
5. ผู้เข้าอบรมเข้าใจ การใช้อุปกรณ์ห้องแล็บและการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ทั่วๆ ไปที่มีคุณภาพสามารถผลิตได้ตามกฎหมายกำหนด ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาแพง
6. ผู้เข้าอบรมเข้าใจ วิธีทดสอบความคงตัวของเครื่องสำอางหลังการผลิตเครื่องสำอาง การตรวจสอบคุณภาพครีม การดู สี กลิ่น การซึมเข้าสู่ผิว การเกลี่ย เนื้อสัมผัส การตรวจวัดค่า pH รวมถึงการปรับค่า pH เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีความปลอดภัย และเหมาะสมกับผิว ฯลฯ
7. ผู้เข้าอบรมได้รับสูตรเครื่องสำอางพร้อมวิธีการทำ และวิธีปรับสูตรแบบเข้าใจง่าย ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลย ผู้ที่จบหลักสูตรนี้สามารถทำธุรกิจด้านเครื่องสำอางได้ทันที แนะนำวิธีการคำนวณต้นทุน เมื่อเทียบเป็นกิโลกรัม และวิธีเพิ่ม/ลดต้นทุนสูตร
8. ผู้เข้าอบรมทราบวิธีการติดต่อ อย.เพื่อขอสถานที่ผลิตเครื่องสำอาง (โรงงานเครื่องสำอาง) และขั้นตอนการขอเลขที่ใบรับจดแจ้ง (เลข อย. เครื่องสำอาง) ทราบขั้นตอนการเตรียมเอกสาร และขั้นตอนการขออนุญาต
9. แนะนำผู้เชี่ยวชาญการทำระบบมาตราฐาน GMP/HALAL โรงงานเครื่องสำอาง และมาตราฐานระบบสากลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
10. แนะนำที่ปรึกษา ด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ และ Digital Marketing
สิ่งที่ผู้เข้าอบรมจะได้รับ
1. เอกสารการอบรม /เอกสารแหล่งซื้อวัตถุดิบในหลักสูตรที่อบรม/แหล่งซื้อภาชนะบรรจุ,กล่อง,ฉลากและอื่นๆ
2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในหลักสูตรที่อบรมทุกรายการ
3. ใบประกาศนียบัตรการผ่านการอบรมหลักสูตร ทั้งฉบับภาษาไทย และฉบับภาษาอังกฤษ
4. เอกสารขั้นตอนการขออนุญาตสถานที่ผลิตเครื่องสำอาง และการขอเลขที่ใบรับจดแจ้ง (เลขอย. เครื่องสำอาง)
5. ผู้เข้าอบรมสามารถเข้าอบรมซ้ำในหลักสูตรเดิมได้อีก 1 ครั้ง โดยมีเงื่อนไขดังนี้
5.1 ต้องอยู่ภายในระยะเวลา 3 เดือนจากที่เรียนครั้งแรกไป เมื่อสถาบันฯ มีการเปิดอบรม
5.2 ต้องเป็นผู้เข้าอบรมท่านเดิมมาเรียน และให้นำเอกสารที่แจกครั้งแรกมาเอง
5.3 ต้องแจ้งชื่อมาล่วงหน้าก่อนวันที่จะมาเรียนซ้ำอย่างน้อย 3 วัน
5.4 จะไม่ได้ผลิตภัณฑ์และใบประกาศหลังจากที่มาเรียนซ้ำในครั้งนั้น แต่อาหารว่าง เครื่องดื่ม และอาหารกลางวัน มีบริการให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
บริษัท เวชศาสตร์ความงามแผนไทย จำกัด ขอสงวนลิขสิทธิ์ในการเป็นผู้คิดค้นสูตรและเทคนิคการทำ ตลอดจนการเผยแพร่ การจัดอบรมหลักสูตร เทคนิควิธีการ และวัตถุดิบที่ใช้ในหลักสูตรนี้ การจัดจำหน่าย ห้ามแอบอ้าง ห้ามลอกเลียนแบบ ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษร ที่มีการตกลงอย่างเป็นทางการเท่านั้น มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย